ค่าความต้องการปริมาณน้ำดับเพลิงสำหรับอาคารสูง
การหาค่าความต้องการปริมาณน้ำดับเพลิงสำหรับอาคารสูง
ค่าความต้องการปริมาณน้ำดับเพลิงสำหรับอาคารสูง จะพิจารณาจากระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิง กับ ระบบท่อยืน (Standpipe) สำหรับตู้ FHC หรือ Hose valve ในกรณีที่เป็นอาคารสูงสำหรับสำนักงาน ระบบท่อยืนมักจะเป็นตัวที่ใช้น้ำดับเพลิงสูงกว่า จึงเป็นตัวที่ไปกำหนดขนาดเครื่องสูบน้ำดับเพลิง
การดูขนาดของอัตราสูบ จะูดูจากจำนวนท่อยืน (Standpipe หรือ riser) ซึ่งจะระบุตามมาตรฐาน วสท.3002-51 หรือ NFPA14 และกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ.2535) ตาม พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ที่ระบุให้ปริมาณการจ่ายน้ำไม่น้อยกว่า 475 GPM (หรือ 30 ลิตรต่อวินาที) สำหรับท่อยืนแรก และไม่น้อยกว่า 238 GPM (หรือ 15 ลิตรต่อวินาที) สำหรับท่อยืนแต่ละท่อที่เพิ่มขึ้น โดยการวางตำแหน่งท่อยืนก็จะต้องไปดูเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เมื่อทราบปริมาณน้ำโดยรวมแล้วก็ต้องไปพิจารณาเรื่องความดันโดยจะต้องออกแบบให้ความดันต่ำสุดที่หัวต่อสายฉีดน้ำดับเพลิงที่ชั้นสูงสุดไม่น้อยกว่า 65.25 PSI (0.45 เมกะปาสกาลมาตร)
ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือ ขนาดของเครื่องสูบน้ำดับเพลิง ไม่สามารถจ่ายน้ำได้ครอบคลุมค่าความต้องการปริมาณน้ำดับเพลิงสูงสุด หรือ เพียงพอในตอนติดตั้ง แต่จะเกิดปัญหาเมื่อสมรรถนะเริ่มลดลง สันนิษฐานว่าในการเลือกขนาดขนาดเครื่องสูบน้ำดับเพลิงที่ใช้ จะอ้างอิงจากความสูงระหว่างห้องเครื่องสูบน้ำดับเพลิงกับชั้นบนสุดเป็นหลัก โดยไม่ได้คำนึงถึงความต้านทานของการไหลในเส้นท่อเมื่อมีการใช้น้ำดับเพลิงตามที่ออกแบบ ถ้าเลือกใช้ขนาดท่อที่ขนาดโตเพียงพอก็อาจจะมีค่าความต้านทานไม่มาก แต่บางครั้งท่อในแนวนอนยาวและซับซ้อนมากหรือใช้ท่อขนาดไม่เหมาะสม ก็ควรต้องนำค่าความต้านทานมาพิจารณาประกอบ
![](../images/riser-diagram.jpg)
ตัวอย่างอาคารสูงที่สร้างใหม่ เป็นอาคาร 31 ชั้น แบ่งระบบดับเพลิงเป็น 2 โซน ชั้นใต้ดิน B3 ถึงชั้น 19 เป็น Low zone และตั้งแต่ชั้น 20 ถึง ชั้นดาดฟ้า เป็น High zone โดยใช้เครื่องสูบน้ำดับเพลิงดีเซล จำนวน 2 ชุด จ่ายให้แต่ละโซน แยกอิสระจากกัน ทั้งอาคารจะมีท่อยืนสำหรับตู้ FHC จำนวน 3 riser และในชั้นใต้ัดินถึงชั้น 10 จะเพิ่ม FHC อีก 2 ตู้ สำหรับอาคารจอดรถที่อยู่ในอาคารเดียวกัน ดังนั้นในการออกแบบและทดสอบระบบท่อยืนควรมีอย่างน้อย 3 รอบ ตาม NFPA14
รอบที่ 1 ชั้นบนสุด ออกแบบที่ 1,000 GPM (High zone)
รอบที่ 2 ชั้น 19 ออกแบบที่ 1,000 GPM (Low zone)
รอบที่ 3 ชั้น 10 ออกแบบที่ 1,500 GPM (Low zone)
![](../images/result-FHC.jpg)
สิ่งที่น่าเป็นกังวลคือ ค่าความต้องการปริมาณน้ำดับเพลิงจากการประมาณการของ ชั้นที่ 19 อยู่เหนือกราฟสมรรถนะของเครื่องสูบน้ำดับเพลิงที่ติดตั้งใหม่ ถ้าข้อมูลการวิเคราะห์ถูกต้อง ในทางวิศวกรรมดับเพลิงมีหมายความว่า เครื่องสูบน้ำดับเพลิงของ Low zone ไม่พร้อมใช้งาน!
![](../images/demand-exceed-performance.jpg)
หมายเหตุ ในกรณีที่อาคารมีการดัดแปลงไปใช้วัตถุประสงค์อื่น เช่น ใช้เป็นกระบวนการผลิต หรือเป็น คลังสินค้า ก็ต้องทบทวนระบบดับเพลิงว่าเหมาะสมและเพียงพอหรือไม่
รับคำนวณหาค่าความต้องการปริมาณน้ำดับเพลิง (WATER DEMAND) ด้วยวิธีการคำนวณด้วยกลศาสตร์ของไหล (HYDRAULIC CALCULATION) เพื่อใช้เปรียบเทียบกับ ผลการทดสอบสมรรถนะเครื่องสูบน้ำดับเพลิงประจำปี ในกรณีที่เริ่มพบว่าสมรรถนะไม่ผ่านเกณฑ์ (UNSATISFACTION) เพื่อใช้ลดความรุนแรงของการประเมินผล จาก ความไม่พร้อมใช้งาน (IMPAIRMENT) เป็น ความบกพร่องไม่วิกฤติ (NON-CRITICAL DEFICIENCY) สำหรับกรณีที่สมรรถนะไม่ผ่านเกณฑ์ แต่ยังสามารถจ่ายน้ำได้ครอบคลุมค่าความต้องการปริมาณน้ำดับเพลิง
จัดทำรายงานด้วยโปรแกรม Canute FHC หรือ Elite Fire ที่มีลิขสิทธิถูกต้อง และตรวจทานด้วยวิศวกรเครื่องกลที่มีประสบการณ์
สนใจติดต่อ วีรวุฒิ มือถือ และ Line ID: 0815778879
บริษัท ดับบลิวแอล วิศวกรรมและพลังงาน จำกัด
There are no reviews yet.